Friday, December 30, 2011

คำถาม: คุณได้รับชีวิตนิรันดร์หรือยัง?

= LAOS =
ຄຳຖາມ: ທ່ານໄດ້ຊີວິດທີ່ເປັນນິລັນຫຼືຍັງ?
http://goo.gl/UeCVCs

Photo Laos
http://goo.gl/egSg3t

 

ประชาชนชาวไทย...♡♡♡...คำถาม: คุณได้รับชีวิตนิรันดร์หรือยัง?

 

อิสยาห์ 17
1. ภาระเกี่ยวกับเมืองดามัสกัสภาระเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส ดูเถิด ดามัสกัสจะหยุดไม่เป็นเมือง และจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง



กิจการของอัครทูต 26
13. โอ ข้าแต่กษัตริย์ ในเวลาเที่ยงวันเมื่อกำลังเดินทางไป ข้าพระองค์ได้เห็นแสงสว่างกล้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ส่องลงมาจากท้องฟ้า ล้อมรอบข้าพระองค์กับคนทั้งหลายที่ไปกับข้าพระองค์
14. ครั้นข้าพระองค์กับคนทั้งหลายล้มคะมำลงที่ดิน ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงตรัสแก่ข้าพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า
‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม ซึ่งเจ้าถีบประตักก็ยากนัก’
15. ข้าพระองค์ทูลถามว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด’ พระองค์จึงตรัสว่า
‘เราคือเยซูซึ่งเจ้าข่มเหง
16. แต่ว่าจงลุกขึ้นยืนเถิด ด้วยว่าเราได้ปรากฏแก่เจ้าเพื่อจะตั้งเจ้าไว้ให้เป็นผู้รับใช้และเป็นพยานถึงเหตุการณ์ซึ่งเจ้าเห็น และถึงเหตุการณ์ที่เราจะแสดงตัวเราเองแก่เจ้าในเวลาภายหน้า
17. เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากชนชาตินี้และจากคนต่างชาติที่เราจะใช้เจ้าไปหานั้น
18. เพื่อจะให้เจ้าเปิดตาของเขา เพื่อเขาจะกลับจากความมืดมาถึงความสว่าง และจากอำนาจของซาตานมาถึงพระเจ้า เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษความผิดบาปของเขา และให้ได้รับมรดกด้วยกันกับคนทั้งหลายซึ่งถูกแยกตั้งไว้แล้วโดยความเชื่อในเรา’

 

Photo Thai
http://goo.gl/QXTXdu

 

1. ยอห์น 4
16. เราทั้งหลายจึงรู้และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น

 


1 โครินธ์ 10
14. พวกที่รักของข้าพเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงเสียจากการนับถือรูปเคารพ

 


โยชูวา  24
23. ท่านจึงกล่าวว่า "เพราะฉะนั้น บัดนี้จงทิ้งพระอื่นซึ่งอยู่ในหมู่พวกท่านนั้นเสีย และโน้มจิตใจของท่านเข้าหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล"

 



พระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้าจริงหรือไม่?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Bible-God-Word.html

 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLU3wPaVuzE07Ieb_tfoOjn8LlQsZIA7OXHVCiFKak4tLDyXuBQZJKWvd18ZYpGxBFS_LpkQTQGePFMAmZybyMDcVo2VgEzhCGfrKxcpA1w9CO32UKhKVHRyyjr_28axuNmwxheq3dG-Ob/s1600/torah.jpg

 

 

 

 

 

ยอห์น 8
12. อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต"
...
23. พระองค์ตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายมาจากเบื้องล่าง เรามาจากเบื้องบน ท่านเป็นของโลกนี้ เราไม่ได้เป็นของโลกนี้
24. เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะตายในการบาปของท่าน เพราะว่าถ้าท่านมิได้เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านจะต้องตายในการบาปของตัว"
...
36. เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไทย ท่านก็จะเป็นไทยจริงๆ
 
 
ยอห์น 6
47. เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเราก็มีชีวิตนิรันดร์
 
 
ยอห์น 10
28. เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น และแกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
 

คำถาม: แผนการสำหรับความรอดคืออะไร?
http://www.gotquestions.org/Th
ai/Thai-plan-salvation.html


 

 
 
ยอห์น 11
23. พระเยซูตรัสกับเธอว่า "น้องชายของเจ้าจะฟื้นขึ้นมาอีก"
24. มารธาทูลพระองค์ว่า "ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า เขาจะฟื้นขึ้นมาอีกในวันสุดท้ายเมื่อคนทั้งปวงจะฟื้นขึ้นมา"
25. พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก  
26. และผู้ใดที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม”
27. มารธาทูลพระองค์ว่า “เชื่อ พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ที่จะเสด็จมาในโลก”
28. เมื่อเธอทูลดังนี้แล้ว เธอก็กลับไปและเรียกมารีย์น้องสาวกระซิบว่า "พระอาจารย์เสด็จมาแล้ว และทรงเรียกเจ้า"
29. เมื่อมารีย์ได้ยินแล้ว เธอก็รีบลุกขึ้นไปเฝ้าพระองค์
30. ฝ่ายพระเยซูยังไม่เสด็จเข้าไปในเมือง แต่ยังประทับอยู่ ณ ที่ซึ่งมารธาพบพระองค์นั้น
31. พวกยิวที่อยู่กับมารีย์ในเรือนและกำลังปลอบโยนเธออยู่ เมื่อเห็นมารีย์รีบลุกขึ้นและเดินออกไปจึงตามเธอไปพูดกันว่า "เธอจะไปร้องไห้ที่อุโมงค์"
32. ครั้นมารีย์มาถึงที่ซึ่งพระเยซูประทับอยู่และเห็นพระองค์แล้ว จึงกราบลงที่พระบาทของพระองค์ทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์ประทับอยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์คงไม่ตาย"
33. ฉะนั้นเมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นเธอร้องไห้ และพวกยิวที่มากับเธอร้องไห้ด้วย พระองค์ก็ทรงคร่ำครวญร้อนพระทัยและทรงเป็นทุกข์
34. และตรัสถามว่า "พวกเจ้าเอาศพเขาไปไว้ที่ไหน" เขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า เชิญเสด็จมาดูเถิด"
35. พระเยซูทรงพระกันแสง
36. พวกยิวจึงกล่าวว่า "ดูเถิด พระองค์ทรงรักเขาเพียงไร"
37. และบางคนก็พูดว่า "ท่านผู้นี้ทำให้คนตาบอดมองเห็น จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ"
38. พระเยซูที่อุโมงค์ฝังศพ บรรดาเพื่อนของมารีย์ได้กลับใจเสียใหม่พระเยซูทรงคร่ำครวญร้อนพระทัยอีก จึงเสด็จมาถึงอุโมงค์ฝังศพ อุโมงค์ฝังศพนั้นเป็นถ้ำ มีศิลาวางปิดปากไว้
39. พระเยซูตรัสว่า “จงเอาศิลาออกเสีย” มารธาพี่สาวของผู้ตายจึงทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ป่านนี้ศพมีกลิ่นเหม็นแล้ว เพราะว่าเขาตายมาสี่วันแล้ว”
40. พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าก็จะได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้า”
41. พวกเขาจึงเอาศิลาออกเสียจากที่ซึ่งผู้ตายวางอยู่นั้น พระเยซูทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์
42. ข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
43. เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้นแล้ว จึงเปล่งพระสุรเสียงตรัสว่า “ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด”
44. ผู้ตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันศพพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงแก้แล้วปล่อยเขาไปเถิด”
45. ดังนั้นพวกยิวหลายคนที่มาหามารีย์และได้เห็นการกระทำของพระเยซู ก็เชื่อในพระองค์
 
 
 
 
 
ยอห์น 9
35. พระเยซูทรงได้ยินว่าเขาได้ไล่คนนั้นเสียแล้ว และเมื่อพระองค์ทรงพบชายคนนั้นจึงตรัสกับเขาว่า "เจ้าเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าหรือ" 
36. ชายคนนั้นทูลตอบว่า "ท่านเจ้าข้า ผู้ใดเป็นพระบุตรนั้น ซึ่งข้าพเจ้าจะเชื่อในพระองค์ได้" 
37. พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เจ้าได้เห็นท่านแล้ว ทั้งเป็นผู้นั้นเองที่กำลังพูดอยู่กับเจ้า" 
38. เขาจึงทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อ" แล้วเขาก็นมัสการพระองค์ 

 


1.ยอห์น 5
12. ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรของพระเจ้าก็
ไม่มีชีวิต
13.  ข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เขี
ยนมาถึงท่านทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระ บุตรของพระเจ้า เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์ และเพื่อท่านจะได้เชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า

 

ฮีบรู 9
27. มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้
วว่าจะต้องตายหนหนึ่ง และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด
28. ดังนั้นพระคริสต์ได้
ทรงถวายพระองค์เองหนหนึ่ง เพื่อจะได้ทรงรับเอาความบาปของคนเป็นอันมาก แล้วพระองค์จะทรงปรากฏครั้งที่สองปราศจากความบาปแก่บรรดาคนที่คอยพระองค์ให้ เขาถึงความรอดฉันนั้น

 



ลูกา 24

1. การฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ (มธ 28:1-6; มก 16:1-8; ยน 20:1-17)แต่เช้ามืดในวันต้นสัปดาห์ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงนำเครื่องหอมที่เขาได้จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์ และคนอื่นก็มาพร้อมกับเขา
2. เขาเหล่านั้นเห็นก้อนหินกลิ้งออกพ้นจากปากอุโมงค์แล้ว
3. และเมื่อเข้าไปมิได้เห็นพระศพของพระเยซูเจ้า
4. ต่อมาเมื่อเขากำลังคิดฉงนด้วยเหตุการณ์นั้น ดูเถิด มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้เขา เครื่องนุ่งห่มแพรวพราว
5. ฝ่ายผู้หญิงเหล่านั้นกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับเขาว่า "พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไมเล่า
6. พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว จงระลึกถึงคำที่พระองค์ได้ตรัสกับท่านทั้งหลายเมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี
7. ว่า `บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของคนบาป และต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่'"
8. เขาจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ได้
9. และกลับไปจากอุโมงค์ แล้วบอกเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นแก่สาวกสิบเอ็ดคน และคนอื่นๆทั้งหมดด้วย
10. ผู้ที่ได้บอกเหตุการณ์นั้นแก่อัครสาวก คือมารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆที่อยู่กับเขา
11. ฝ่ายอัครสาวกไม่เชื่อ ถือว่าเป็นคำเหลวไหล
12. แต่เปโตรลุกขึ้นวิ่งไปถึงอุโมงค์ ก้มลงมองดูก็เห็นแต่ผ้าป่านวางอยู่ต่างหาก แล้วกลับไปคิดพิศวงถึงเหตุการณ์ซึ่งได้เป็นไปนั้น
13. ระหว่างทางที่ไปยังหมู่บ้านเอมมาอูสดูเถิด วันนั้นเองมีสาวกสองคนไปยังหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร
14. เขาสนทนากันถึงเหตุการณ์ซึ่งได้เป็นไปนั้น
15. และต่อมาเมื่อเขากำลังพูดปรึกษากันอยู่ พระเยซูเองก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินไปกับเขา
16. แต่ตาเขาฟางไปและจำพระองค์ไม่ได้
17. พระองค์ตรัสกับเขาว่า "เมื่อเดินมานี่ด้วยหน้าโศกเศร้า ท่านโต้ตอบกันถึงเรื่องอะไร"
18. คนหนึ่งชื่อเคลโอปัสจึงทูลถามพระองค์ว่า "ท่านเป็นเพียงแต่คนต่างด้าวในกรุงเยรูซาเล็มหรือ ที่ไม่รู้เหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งเป็นไปในวันเหล่านี้"
19. พระองค์ตรัสถามเขาว่า "เหตุการณ์อะไร" เขาจึงตอบพระองค์ว่า "เหตุการณ์เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้เป็นศาสดาพยากรณ์ ประกอบด้วยฤทธิ์เดชในการงานและในถ้อยคำจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และต่อหน้าประชาชนทั้งหลาย
20. และพวกปุโรหิตใหญ่กับขุนนางทั้งหลายของเรา ได้มอบพระองค์ไว้ให้ปรับโทษถึงตาย และตรึงพระองค์ที่กางเขน
21. แต่เราทั้งหลายได้หวังใจว่าจะเป็นพระองค์ผู้นั้นที่จะไถ่ชนชาติอิสราเอล ยิ่งกว่านั้นอีก วันนี้เป็นวันที่สามตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
22. และยังมีผู้หญิงบางคนในพวกเราที่ได้ทำให้เราประหลาดใจ นางได้ไปที่อุโมงค์เมื่อเวลาเช้ามืด
23. แต่เมื่อไม่พบพระศพของพระองค์ จึงมาเล่าว่านางได้เห็นนิมิตเป็นทูตสวรรค์ และทูตนั้นบอกว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่
24. บางคนที่อยู่กับเราก็ไปจนถึงอุโมงค์ และได้พบเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้บอก แต่เขาหาได้เห็นพระองค์ไม่"
25. พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า "โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้น
26. จำเป็นซึ่งพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนั้น แล้วเข้าในสง่าราศีของพระองค์มิใช่หรือ"
27. พระองค์จึงทรงเริ่มอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาศาสดาพยากรณ์
28. เมื่อเขามาใกล้หมู่บ้านที่จะไปนั้น พระองค์ทรงกระทำเหมือนจะทรงดำเนินเลยไป
29. เขาจึงพูดหน่วงเหนี่ยวพระองค์ว่า "เชิญหยุดพักกับเรา เพราะว่าจวนเย็นแล้ว และวันก็ล่วงไปมาก" พระองค์จึงเสด็จเข้าไปเพื่อพักอยู่กับเขา
30. ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงเอนพระกายลงเสวยกับเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณ แล้วหักส่งให้เขา
31. ตาของเขาก็หายฟางและเขาก็รู้จักพระองค์ แล้วพระองค์ก็อันตรธานไปจากเขา
32. เขาจึงพูดกันว่า "ใจเราเร่าร้อนภายใน เมื่อพระองค์ตรัสกับเราตามทาง เมื่อพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังมิใช่หรือ"
33. แล้วคนทั้งสองนั้นก็ลุกขึ้
นในโมงนั้นเองกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพบพวกสาวกสิบเอ็ดคนชุมนุมกันอยู่พร้อมทั้งพรรคพวก
34. กำลังพูดกันว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้
นมาแล้วจริงๆ และได้ปรากฏแก่ซีโมน"
35. ฝ่ายสองคนนั้นจึงเล่าความซึ่
งเกิดขึ้นที่กลางทาง และที่เขาได้รู้จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้น
36. พระเยซูทรงปรากฏต่ออัครสาวกสิ
บคนเมื่อเขาทั้งสองกำลังเล่าเหตุการณ์เหล่า นั้น พระเยซูเองทรงยืนอยู่ที่ท่ามกลางเขา และตรัสกับเขาว่า "ท่านทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด"
37. ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลั
วคิดว่าเห็นผี
38. พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุไฉนความคิดสนเท่ห์จึงบังเกิ
ดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า
39. จงดูมือของเราและเท้าของเราว่า เป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดู
กเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น"
40. เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์
และพระบาทให้เขาเห็น
41. เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื
่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า "พวกท่านมีอาหารกินที่นี่บ้างไหม"
42. เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งกั
บรวงผึ้งชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์
43. พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้
าเขาทั้งหลาย
44. พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราได้บอกไว้แก่ท่านทั้
งหลายเมื่อเรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาคำที่เขียนไว้ในพระราชบัญญัติของโมเสส และในคัมภีร์ศาสดาพยากรณ์ และในหนังสือสดุดีกล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ"
45. ครั้งนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้
งหลายเกิดความสว่างขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์
46. คำบัญชาที่ยิ่งใหญ่พระองค์ตรั
สกับเขาว่า "มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม
47. และจะต้
องประกาศในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ และเรื่องยกบาปทั่วทุกประเทศ ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม
48. ท่านทั้งหลายเป็นพยานด้วยข้
อความเหล่านั้น
49. การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระคริ
สต์และดูเถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้นมาเหนือท่านทั้งหลาย แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม กว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน"
50. พระองค์จึงพาเขาออกไปถึงหมู่บ้
านเบธานี แล้วทรงยกพระหัตถ์ อวยพรเขา
51. ต่อมาเมื่อทรงอวยพรอยู่นั้น พระองค์จึงไปจากเขา แล้วทรงถูกรับขึ้นไปสู่สวรรค์
52. เขาทั้งหลายจึงนมัสการพระองค์ แล้วกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม มีความยินดีเป็นอันมาก
53. เขาทั้งหลายอยู่ในพระวิหารทุกวั
น สรรเสริญและเทิดทูนพระเจ้า เอเมน

 


มัทธิว 5
11. เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหงและนิ
นทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
12. จงชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบู
รณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน



 

 

อพยพ 20
3. อย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากเรา

 


ลูกา 5
20 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็
นความเชื่อของเขาทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสกับคนอัมพาตว่า "บุรุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว"
21 ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี
เริ่มคิดในใจว่า "คนนี้ที่พูดหมิ่นประมาทเป็นผู้ใดเล่า ใครจะยกความผิดบาปได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น"
22 แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิ
ดของเขา พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "ไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้
23 ที่จะว่า `บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว' หรือจะว่า `จงลุกขึ้นเดินไปเถิด' นั้นข้างไหนจะง่ายกว่ากัน
24 แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่
า บุตรมนุษย์มีฤทธิ์อำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้" (พระองค์จึงตรัสสั่งคนอัมพาตว่า) "เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนไปบ้านของเจ้าเถิด"
25 ในทันใดนั้น เขาจึงลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง ยกที่นอนซึ่งเขาได้นอนนั้น กลับไปบ้านของตน พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า


 

ยอห์น 5
25 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เวลาที่กำหนดนั้นใกล้จะถึงแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่ตายแล้วจะได้ยินพระสุรเสียงแห่งพระบุตรของพระเจ้า และบรรดาผู้ที่ได้ยินจะมีชีวิต
26 เพราะว่าพระบิดาทรงมีชีวิตในพระองค์เองฉันใด พระองค์ก็ได้ทรงประทานให้พระบุตรมีชีวิตในพระองค์ฉันนั้น
27 และได้ทรงประทานให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจที่จะพิพากษาด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์
28 การฟื้นขึ้นมาสองแบบอย่าประหลาดใจในข้อนี้เลย เพราะใกล้จะถึงเวลาที่บรรดาผู้ที่อยู่ในอุโมงค์ฝังศพจะได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
29 และจะได้ออกมา คนทั้งหลายที่ได้ประพฤติดีก็ฟื้นขึ้นสู่ชีวิต และคนทั้งหลายที่ได้ประพฤติชั่วก็จะฟื้นขึ้นสู่การพิพากษา

 

คำถาม: พระเจ้ามีจริงหรือไม่? ฉันจะรู้แน่ ๆ ได้อย่างไรว่าพระเจ้ามีจริง?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-is-God-real.html

คำถาม: มีชีวิตหลังความตายหรือไม่?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-life-after-death.html

 

 



มัทธิว 28   องค์พระเยซูคริสต์หลังจากการคืนชีพ :
16. พระบัญชาอันยิ่งใหญ่ของพระเยซู
คริสต์แล้วสาวกสิบเอ็ดคนนั้นก็ได้ไปยังแคว้นกาลิลี ถึงภูเขาที่พระเยซูได้ทรงกำหนดไว้
17. และเมื่อเขาเห็นพระองค์จึ
งกราบลงนมัสการพระองค์ แต่บางคนยังสงสัยอยู่
18. พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้ แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี ทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19. เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุ
กชาติ ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
20. สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่
งเราได้สั่งพวกท่านไว้ ดูเถิด เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นโลก เอเมน"





มาระโก 16
14. ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่
สาวกสิบเอ็ดคนเมื่อเขาเอนกายลงรับประทานอยู่ และทรงติเตียนเขาเพราะเขาไม่เชื่อและใจดื้อดึง ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมา แล้ว
15. ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่
งพวกสาวกว่า "ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน
16  ผู้ที่เชื่อและรับบัพติศมาก็
จะรอด แต่ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องถูกลงพระอาชญา



 

 

 


อิสยาห์ 19
1.  ภาระเกี่ยวกับอียิปต์ภาระเกี่ยวกับอียิปต์ ดูเถิด พระเยโฮวาห์ทรงเมฆอันรวดเร็วและจะเสด็จมายังอียิปต์ ต่อพระพักตร์พระองค์ รูปเคารพแห่งอียิปต์จะสั่นสะเทือน และใจของคนอียิปต์จะละลายไปภายในตัวเขา
2.  และเราจะกวนให้คนอียิปต์ต่อสู้กับคนอียิปต์ และเขาจะสู้รบกัน ทุกคนรบพี่น้องของตน และทุกคนรบเพื่อนบ้านของตน เมืองรบกับเมือง ราชอาณาจักรรบกับราชอาณาจักร
3.  และในสมัยนั้นคนอียิปต์ก็จะจนใจ และเราจะกระทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง และเขาจะปรึกษารูปเคารพและพวกหมอดู และคนทรง และพ่อมดแม่มด
4.  และเราจะมอบคนอียิปต์ไว้ในมือของนายที่แข็งกระด้าง และกษัตริย์ดุร้ายคนหนึ่งจะปกครองเหนือเขา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้แหละ

...

21. และพระเยโฮวาห์จะสำแดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จักแก่คนอียิปต์ และคนอียิปต์จะรู้จักพระเยโฮวาห์ในวันนั้น และจะถวายเครื่องสักการบูชาและเครื่องถวาย และเขาทั้งหลายจะปฏิญาณต่อพระเยโฮวาห์และปฏิบัติตาม
22. และพระเยโฮวาห์จะโจมตีอียิปต์ ทรงโจมตีพลาง ทรงรักษาพลาง และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระเยโฮวาห์ และพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขา และทรงรักษาเขา
23. ในวันนั้นจะมีทางหลวงจากอียิปต์ถึงอัสซีเรีย และคนอัสซีเรียจะเข้ามายังอียิปต์ และคนอียิปต์ยังอัสซีเรีย และคนอียิปต์จะปรนนิบัติพร้อมกับคนอัสซีเรีย
24. ในวันนั้นอิสราเอลจะเป็นที่สามกับอียิปต์และกับอัสซีเรีย เป็นพรท่ามกลางแผ่นดินนั้น
25. เป็นผู้ที่พระเยโฮวาห์จอมโยธาจะทรงอำนวยพระพรว่า "อียิปต์ชนชาติของเราจงได้รับพร และอัสซีเรียผลงานแห่งมือของเรา และอิสราเอลมรดกของเรา"

 

คำถาม: ความหมายของชีวิตคืออะไร?
http://www.gotquestions.org/Th
ai/Thai-meaning-life.html







หลักฐาน วิวัฒนาการ ไม
http://youtu.be/gnoi8L2d29w

ไดโนเสาร์
http://youtu.be/lS3xj7QLjFo

 

 

 

 


กิจการ 13
38. เหตุฉะนั้นท่านพี่น้องทั้งหลาย จงเข้าใจเถิดว่า โดยพระองค์นั้นแหละจึงได้
ประกาศการยกความผิดแก่ท่านทั้งหลาย





กิจการ 4
12. ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้
งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"





เอเฟซัส 1
7. ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่โดยพระโลหิ
ตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเรา โดยพระคุณอันอุดมของพระองค์





เอเฟซัส 2
8. ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้
นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้
9. ความรอดนั้นจะเนื่องด้
วยการกระทำก็หามิได้เพื่อมิให้
คนหนึ่งคนใดอวดได้





มาระโก 14
61. แต่พระองค์ทรงนิ่งอยู่ มิได้ตอบประการใด ท่านมหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อี
กว่า "ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของผู้ทรงบรมสุขหรือ"
62. พระเยซูทรงตอบว่า "เราเป็น และท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุ
ตรมนุษย์นั่งข้างขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์"





วิวรณ์ 1
7. `ดูเถิด พระองค์จะเสด็จมาในเมฆ และนัยน์ตาทุกดวงและคนเหล่านั้ นที่ได้แทงพระองค์จะเห็นพระองค์ และมนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร่
ำไห้เพราะพระองค์' จงเป็นไปอย่างนั้น เอเมน
8. องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า "เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ได้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน ผู้จะเสด็จมานั้น และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด"
...
17. เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้
มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว แต่พระองค์ทรงแตะตัวข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์เบื้องขวา แล้วตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า "อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย
18. และเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ เราได้ตายแล้ว แต่ ดูเถิด เราก็ยังดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปเป็
นนิตย์ เอเมน และเราถือลูกกุญแจแห่งนรกและแห่งความตาย





1.เธสะโลนิกา 4
16. ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริ
สต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
17. หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยั
งเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์



 

 





วิวรณ์ 9
20. มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติ
เหล่านี้ ยังไม่ได้กลับใจเสียใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี บูชา `รูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองเหลือง หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้นจะดูหรือฟังหรือเดินก็ไม่ได้'
21. และเขาก็มิได้กลับใจเสียใหม่
จากการฆาตกรรม และการเวทมนตร์ การล่วงประเวณี และการลักขโมย



 




วิวรณ์ 21
8. แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน ฆาตกร คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงที่
เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือ
ความตายครั้งที่สอง"

 

 

 

________________________
อยู่ห่างจากคาทอลิกและออร์โธดอกพวกเขาไม่ฟังและไม่ปฏิบัติตามพระเยซูคริสต์
พวกเขาเกลียดคำพูดของพระเยซูคริสต์พระเยซู
พวกเขาเป็นศัตรูกับชาวคริสต์จริงทั้งหมด (พระเยซู)
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและออร์โธดอกเป็นศาสนาทางปีศาจพวกเขามีอะไรกันกับพระคริสต์ พวกเขาเป็นภาคีในการนมัสการของพวกเขา becouse พวกเขาเคารพบูชาเซนต์ส, รูปภาพ, รูปปั้น, หลุมฝังศพ ...
เขาได้ข่มเหงพระเยซูคริสต์ (สาวกของพระเยซูคริสต์)
คาทอลิกฆ่าผู้คนนับล้าน: ยิวมุสลิมรวมทั้งคริสตชนที่แท้จริงจำนวนมากและออร์โธดอกข่มเหงในหลายประเทศสาวกของพระเยซูคริสต์


________________________________________________

อยู่ห่างจากคาทอลิกและศรัทธาพวกเขาไม่ได้ฟังและไม่ปฏิบัติตามพระเยซูคริสต์
พวกเขาเกลียดชังคำพูดของพระเยซูคริสต์พระเยซู
พวกเขาเป็นศัตรูกับคริสเตียนจริงทั้งหมด (พระเยซู)
นิกายโรมันคาทอลิกและดั้งเดิมเป็นศาสนาวิธีปีศาจพวกเขามีอะไรกันกับพระคริสต์ พวกเขาเป็นภาคีเพราะพวกเขาเคารพบูชาแมรีเซนต์ภาพ, รูปปั้น, หลุมฝังศพ ...
เขาได้ข่มเหงคริสเตียน (สาวกของพระเยซูคริสต์)
คาทอลิกฆ่าผู้คนนับล้าน: ชาวยิวมุสลิมรวมทั้งคริสเตียนจำนวนมากจริง และศรัทธารังแกในประเทศจำนวนมากสาวกของพระเยซูคริสต์


Stay away from the Catholics and Orthodox, they don't listen and don't follow The Lord Jesus Christ.
They hate the words of Christ, The Gospel.
They are enemies against all real christians (evangelical).
Catholicism and Orthodox are pagans, demonic way, they have nothing in common with Christ. They are idolaters because they worship Mary, saints, images, statues, graves...
They persecuted evangelical Christians (disciples of The Lord Jesus Christ).
Catholic killed millions of people: jews, muslims, including many true Christians; and Orthodox persecuted in many countries disciples of Jesus Christ.

________________________

 

 

 

 
 

คำถาม: ความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์เหมือนอย่างที่พระคัมภีร์เขียนไว้หรือไม่?\
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-deity-Christ.html

คำถาม: ทำไมเราจึงต้องอ่าน/ศึกษาพระคัมภีร์?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-why-read-Bible.html

คำถาม: พระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้าจริงหรือไม่?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Bible-God-Word.html

 

 


 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLU3wPaVuzE07Ieb_tfoOjn8LlQsZIA7OXHVCiFKak4tLDyXuBQZJKWvd18ZYpGxBFS_LpkQTQGePFMAmZybyMDcVo2VgEzhCGfrKxcpA1w9CO32UKhKVHRyyjr_28axuNmwxheq3dG-Ob/s1600/torah.jpg


ไทย - พระคัมภีร์  (online + download)
http://ge.tt/8lAWYiU

Thai พระคัมภีร์ไบเบิล - (online + download)
http://ge.tt/8ITC0qX

= พระคัมภีร์ไบเบิล = (download)
http://goo.gl/OZpFR6


พระคัมภีร์ไบเบิล (พันธสัญญาใหม่) mp3    (download)
http://ge.tt/70ewE3j

หรือที่นี่

http://goo.gl/p23sC4



Kachin
http://ge.tt/4Tsw7FK

Urak Lawoi
http://ge.tt/2jJ68FK

Khmer
http://ge.tt/1GKX7FK

Hmong  (download)
http://ge.tt/77yV9FK

Yauhaa
http://youtu.be/Geh9DfaO5n0

 

 



 

 

 

ทิตัส 2
11. เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าที่
นำไปถึงความรอดได้ปรากฏแก่คนทั้งปวงแล้ว
12. สอนให้เราละทิ้
งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบันนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ อย่างชอบธรรม และตามทางพระเจ้า
13. คอยความหวังอันมีสุข และการปรากฏอันทรงสง่าราศี
ของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง และพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา





อิสยาห์ 42
17. เขาทั้งหลายจะหันกลับ และจะต้องขายหน้าอย่างที่สุด คือผู้ที่วางใจในรูปแกะสลัก ผู้ที่กล่าวแก่รูปเคารพหล่อว่า "ท่านเป็นพระของเรา"





อิสยาห์ 43
11. เรา เราคือพระเยโฮวาห์ และนอกจากเราไม่มีพระผู้ช่วยให้
รอด





พระราชบัญญัติ ì 4
39. เหตุฉะนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าในฟ้
าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง หามีพระเจ้าอื่นใดอีกไม่เลย



 

 

 


คำถาม: หมายสำคัญสำหรับยุคสุดท้ายมีอะไรบ้าง?
http://www.gotquestions.org/Th
ai/Thai-signs-end-times.html



 


2.ทิโมธี  3
12.  แท้จริงทุกคนที่ปรารถนาจะดำเนิ
นชีวิตตามทางของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง
13.  แต่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะชั่
วร้ายมากยิ่งขึ้น ทั้งล่อลวงคนอื่น และก็ถูกคนอื่นล่อลวงด้วย
14.  แต่ฝ่ายท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่
งที่ท่านเรียนรู้แล้ว และได้เชื่ออย่างมั่นคง ท่านก็รู้ว่าท่านได้เรียนมาจากผู้ใด
15.  พระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ทำให้
คนของพระเจ้าดีรอบคอบและตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีฤทธิ์สอนท่านให้ได้ปัญญาถึงความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
16.  พระคัมภีร์ทุกตอนได้รั
บการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในเรื่องความชอบธรรม
17.  เพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่
าง

 

 

 
 
 

คำถาม: มีสิ่งใดที่เป็นความจริงที่แน่แท้ / ความจริงที่ถ่องแท้หรือไม่?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-absolute-truth.html

คำถาม: คำจำกัดความของความบาปมีอะไรบ้าง?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-definition-sin.html

คำถาม: พระลักษณะของพระเจ้าเป็นอย่างไร? พระเจ้าทรงเป็นแบบไหน?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-attributes-God.html

คำถาม: พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าใช่หรือไม่? พระเยซูเคยอ้างว่าทรงเป็นพระเจ้าใช่หรือไม่?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-is-Jesus-God.html

คำถาม: พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับตรีเอกานุภาพไว้ว่าอย่างไร?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Trinity.html

คำถาม: พระเยซูคริสต์เป็นใคร?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Jesus-Christ.html

คำถาม: มีสิ่งต่างๆเช่นมนุษย์ต่างดาวหรือยูเอฟโอไหม?
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-aliens-Bible.html



 





****************************************************
From yoga to Jesus Christ - a strong testimony!
https://vimeo.com/45196918

Deception is the name of the game. Yoga is NOT what it appears to be dear friends...I tell you from personal experience.

1 Corinthians 10
21. " Ye cannot drink the cup of the Lord, and the cup of devils: ye cannot be partakers of the Lord's table, and of the table of devils."

2 Corinthians 11
14. And no marvel; for Satan himself is transformed into an angel of light.

Yoga is not just stretching or physical exercise, is a demonic way, a deception.
One way of entry for Satan in your life.
******************************
**********************

 





ยอห์น 14
3. และถ้าเราไปจัดเตรียมที่ไว้
สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย
...
6. พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้
นอกจากมาทางเรา





กิจการ 10
43. ศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายย่อมเป็
นพยานถึงพระองค์ว่า ผู้ใดที่เชื่อถือในพระองค์นั้นจะได้รับการทรงยกความผิดบาปของเขา เพราะพระนามของพระองค์"





พระราชบัญญัติ ì 4
15. เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวั
งตัวให้ดี เพราะในวันนั้นพวกท่านไม่เห็นสัณฐานอันใด เมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสกับท่านทั้งหลายที่โฮเรบจากท่ามกลางเพลิง
16. เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรู
ปเคารพแกะสลักสำหรับตัวท่านทั้งหลายเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย
17. เหมือนสัตว์เดียรัจฉานอย่
างใดในโลก เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ
18. เหมือนสิ่งใดๆที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาอย่างใดที่อยู่ในน้
ำใต้แผ่นดินโลก
19. เกรงว่าพวกท่านเงยหน้าขึ้นดูท้
องฟ้าและเมื่อท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า พวกท่านจะถูกเหนี่ยวรั้งให้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านทรงแบ่งแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ ฟ้าทั้งสิ้น





พระราชบัญญัติ ì 27
15. `ผู้ที่กระทำรูปเคารพเป็นรูปสลั
กหรือรูปหล่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่อพระเยโฮวาห์ เป็นสิ่งที่ทำด้วยฝีมือช่าง และตั้งไว้ในที่ลับก็ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง' ให้ประชาชนทั้งปวงตอบและกล่าวว่า `เอเมน'





ฮาบากุก 2
18. รูปแกะสลักให้ประโยชน์อะไรเล่า รูปที่ช่างได้แกะสลักไว้ รูปหล่ออันเป็นครูสอนความเท็
จให้ประโยชน์อะไร ที่ช่างจะวางใจในสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ที่ช่างจะสร้างพระใบ้





เพลงสดุดี 97
7. ให้ผู้ปรนนิบัติรูปเคารพสลักทั้
งสิ้นได้อาย คือผู้ที่อวดในรูปเคารพของเขา ให้พระทั้งสิ้นกราบลงต่อพระองค์



 

 



โรม 1
18. คนที่ได้รับความสว่างได้หันกลั
บไปสู่ความมืดเพราะว่า พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ต่อความอธรรมและความไม่ชอบธรรม ทั้งมวลของมนุษย์ ที่เอาความไม่ชอบธรรมนั้นขัดขวางความจริง
19. จักรวาลพิสูจน์ว่ามีพระผู้
ทรงสร้างที่ทรงพระชนม์อยู่เหตุว่าเท่าที่จะรู้จัก พระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว
20. ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระองค์นั้น คือฤทธานุภาพอันนิรันดร์
และเทวสภาพของพระเจ้า ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
21. เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู
้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป
22. ความเข้าใจได้กลับกลายเป็นมืดไป ทางของพระเจ้าได้เสียไปเขาอ้
างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป
23. และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้
าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์สี่เท้า และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
24. พระเจ้าทรงมอบมนุษย์ไว้กั
บความบาป การนับถือรูปเคารพ รักร่วมเพศ และความเลวทรามเหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน
25. เขาได้เปลี่ยนความจริงของพระเจ้
าให้เป็นความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้แทนพระองค์ผู้ทรง สร้าง ผู้สมจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ เอเมน





พระราชบัญญัติ ì 32
39. จงดูเถิด ตัวเรา คือเรานี่แหละเป็นผู้นั้น นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นใด เราฆ่าให้ตาย และเราก็ให้มีชีวิตอยู่ เราทำให้บาดเจ็บ และเราก็รักษาให้หาย ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมื
อเราได้





อิสยาห์ 37
18. ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เป็นความจริงที่บรรดากษัตริย์
แห่งอัสซีเรียได้กระทำให้ประเทศทั้งสิ้นและแผ่นดินของเขานั้นร้างเปล่า
19. และได้เหวี่ยงพระของประชาชาตินั
้นเข้าไฟ เพราะเขามิใช่พระ เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ เป็นไม้และหิน เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกทำลายเสีย

 

 



อิสยาห์ 44
6. พระเยโฮวาห์ พระบรมมหากษัตริย์แห่งอิสราเอล และผู้ไถ่ของเขา พระเยโฮวาห์จอมโยธา ตรัสดังนี้ว่า "เราเป็นผู้ต้นและเราเป็นผู้
ปลาย นอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้า





อิสยาห์ 45
5. พระเจ้าคือความหวังอันเดี
ยวของเราเราเป็นพระเยโฮวาห์ และไม่มีอื่นใดอีก นอกจากเราไม่มีพระเจ้า เราคาดเอวเจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
6. เพื่อคนจะได้รู้ตั้งแต่ที่ตะวั
นขึ้น และจากที่ตะวันตก ว่าไม่มีใครนอกจากเรา เราเป็นพระเยโฮวาห์ และไม่มีอื่นใดอีก
...
22. มวลมนุษย์ทั่วแผ่นดินโลกเอ๋ย จงหันมาหาเราและรับการช่วยให้
รอด เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก





ลูกา 4
40. ครั้นเวลาตะวันยอแสง ใครมีคนเจ็บเป็นโรคต่างๆก็
พามาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงวางพระหัตถ์ถูกต้องเขาทุกคน ให้เขาหายโรค
41. ผีก็ออกมาจากคนหลายคนด้วย ร้องว่า "ท่านเป็นพระคริสต์พระบุ
ตรของพระเจ้า" ฝ่ายพระองค์ก็ทรงห้ามมิให้มันพูด เพราะว่ามันรู้แล้วว่าพระองค์เป็นพระคริสต์



 

 


 

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLU3wPaVuzE07Ieb_tfoOjn8LlQsZIA7OXHVCiFKak4tLDyXuBQZJKWvd18ZYpGxBFS_LpkQTQGePFMAmZybyMDcVo2VgEzhCGfrKxcpA1w9CO32UKhKVHRyyjr_28axuNmwxheq3dG-Ob/s1600/torah.jpg


ไทย - พระคัมภีร์  (online + download)
http://ge.tt/8lAWYiU

Thai พระคัมภีร์ไบเบิล - (online + download)
http://ge.tt/8ITC0qX

= พระคัมภีร์ไบเบิล = (download)
http://goo.gl/OZpFR6


พระคัมภีร์ไบเบิล (พันธสัญญาใหม่) mp3    (download)
http://ge.tt/70ewE3j





Kachin
http://ge.tt/4Tsw7FK

Urak Lawoi
http://ge.tt/2jJ68FK

Khmer
http://ge.tt/1GKX7FK

Hmong  (download)
http://ge.tt/77yV9FK

Yauhaa
http://youtu.be/Geh9DfaO5n0

 

 




ยอห์น 10  พระเจ้าพระเยซูคริสต์ :
17 ด้วยเหตุนี้พระบิดาของเราจึ
งทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก
18 ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมั
ครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก พระบัญชานี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา"
...
27. แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา
28. เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น และแกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่
านั้นไปจากมือของเราได้
29. พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้
นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดสามารถชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้
31. พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอี
กจะขว้างพระองค์ให้ตาย
32. พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดี
หลายประการซึ่งมาจากพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า"
33. พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่
เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาท เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า"

ที่สามารถให้ชีวิตนิรันดร์? องค์พระเยซูคริสต์!





ยอห์น 3
16. เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดี
ยวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
17. เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงใช้
พระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อจะพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
18. ผู้ที่เชื่อในพระบุตรก็ไม่ต้
องถูกพิพากษาลงโทษ แต่ผู้ที่มิได้เชื่อก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้เชื่อในพระนามพระบุตรองค์เดียวที่บั
งเกิดจากพระเจ้า


เลือดของพระเยซูพระบุตร YAHWEH ของเขาบริสุทธิ์เราจากความบาปทั
้งหมด :
1.ยอห์น 1
7. แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิ
ตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น

 


 

 


มัทธิว 15
18. แต่สิ่งที่ออกจากปากก็
ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
19. ความคิดชั่วร้าย การฆาตกรรม การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การพูดหมิ่นประมาท ก็ออกมาจากใจ





ยอห์น 1   องค์พระเยซูคริสต์
11. พระสัญญายิ่งใหญ่แก่ผู้ที่เชื่
อพระองค์ได้เสด็จมายังพวกของพระองค์ และพวกของพระองค์นั้นหาได้ต้อนรับพระองค์ไม่
12. แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรั
บพระองค์ พระองค์ทรงประทานอำนาจให้เป็นบุตรของพระเจ้า คือคนทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระองค์
13. ซึ่งมิได้เกิดจากเลือด หรือความประสงค์ของเนื้อหนัง หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า

 

 

 


 
 

The Holy Bible - KJV -  (read online + download)
http://ge.tt/3D52rjo

The Holy Bible - KJV -  (download)
http://ge.tt/9TEHdfB

Audio - mp3
The Holy Bible - KJV -  (download)
http://www.BibleBible.com/KingJamesEnglish/download.asp

http://www.mp3bible.ca/